Explore the world TOGETHER!

The Manchester United vs Liverpool rivalry forever
ศึกคู่รักคู่แค้นตลอดกาล: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ ลิเวอร์พูล
FOOTBALL STORY (THAI)
3/30/20253 min read


ศึกคู่รักคู่แค้นตลอดกาล: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ ลิเวอร์พูล
เสียงเชียร์ดังกึกก้องไปทั่วสนาม เมื่อสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษต้องมาเผชิญหน้ากัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวัง นี่ไม่ใช่แค่เกมธรรมดา แต่มันคือการปะทะกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล คู่ปรับที่เกินกว่าแค่เกมฟุตบอล
ลองจินตนาการว่าคุณอยู่ท่ามกลางสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดหรือแอนฟิลด์ สัมผัสถึงบรรยากาศที่กดดันและความตึงเครียดของเกมการแข่งขัน เมื่อคู่ปรับทั้ง2 ทีมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ได้มาเจอกัน ทั้ง2ทีมนี้ได้หล่อหลอมวงการฟุตบอลอังกฤษมากว่าศตวรรษ ด้วยแชมป์ลีก 39 สมัย และแชมป์ยุโรป 9 สมัย พวกเขาคือสุดยอดของวงการลูกหนัง
เมื่อทั้งสองทีมก้าวเข้าสู่สนาม ความตื่นเต้นก็พุ่งทะยานขึ้น การแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์นี้กำลังจะเพิ่มอีกหนึ่งบทใหม่ จากการเปลี่ยนแปลงของ บิลล์ แชงคลีย์ ที่ลิเวอร์พูล สู่ความสำเร็จของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมนี้ได้เห็นมาครบทุกเรื่องราวแล้ว
ตัวเลขจากสถิติได้บ่งบอกถึงความดุเดือด: การพบกันทั้งหมด 216 ครั้งที่ผ่านมา โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำอยู่ที่ 83-72 แต่ตัวเลขไม่อาจสะท้อนถึงความหลงใหลและดราม่าของเกมเหล่านี้ได้
เราจะพาย้อนรอยต้นกำเนิดของความเป็นคู่ปรับ ผู้เล่นคนสำคัญ และแมตช์สุดคลาสสิก เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางผ่านตำนานศึกคู่อริตลอดการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ ลิเวอร์พูล
ประเด็นสำคัญ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำสถิติการพบกันตลอดกาลด้วยชัยชนะ 83 ครั้ง ขณะที่ลิเวอร์พูลชนะ 72 ครั้ง
การแข่งขันทั้งหมด 216 นัด แสดงถึงประวัติศาสตร์ที่หยั่งรากลึก
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของศึกนี้ โดยทำไป 16 ประตูให้กับลิเวอร์พูล
ไรอัน กิ๊กส์ ถือครองสถิติลงสนามในศึกนี้มากที่สุดด้วยจำนวน 48 นัด
ชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์คือ ลิเวอร์พูลถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-0 เมื่อมีนาคม 2023
ทั้งสองสโมสรคว้าแชมป์รวมกันทั้งหมด 68 รายการ ณ เดือนพฤษภาคม 2024
การแข่งขันนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ฟุตบอล แต่ยังสะท้อนถึงการแข่งขันทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจระหว่างสองเมืองอีกด้วย
จุดเริ่มต้นของศึกนอร์ทเวสต์ดาร์บี้: เรื่องราวของสองเมือง
ศึกนอร์ทเวสต์ดาร์บี้ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล คือคู่ปรับที่ดุเดือดและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ความเป็นคู่ปรับนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ก่อนที่การแข่งขันฟุตบอลนัดแรกจะเกิดขึ้นเสียอีก
การปฏิวัติอุตสาหกรรมและการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม ลิเวอร์พูลเป็นเมืองท่าที่คึกคัก ส่วนแมนเชสเตอร์เป็นศูนย์กลางสิ่งทอ ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจนี้ได้วางรากฐานให้กับการแข่งขันฟุตบอลที่ดุเดือดในเวลาต่อมา

ความขัดแย้งคลองเรือแมนเชสเตอร์
การก่อสร้างคลองเรือแมนเชสเตอร์ในปี 1894 จุดประกายความตึงเครียด ลิเวอร์พูลมองว่าคลองนี้เป็นภัยคุกคามต่ออำนาจทางการเดินเรือของตน ความขัดแย้งนี้ยิ่งเพิ่มเชื้อไฟให้กับจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันที่ต่อมาได้สะท้อนไปในสนามฟุตบอล
อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและความภาคภูมิใจในภูมิภาค
ความเป็นคู่ปรับระหว่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ไม่ได้หยุดอยู่แค่ฟุตบอล ลิเวอร์พูลเป็นที่รู้จักด้านดนตรี ส่วนแมนเชสเตอร์มีมรดกทางอุตสาหกรรม ความแตกต่างทางวัฒนธรรมนี้ทำให้ทุกแมตช์กลายเป็นการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของภูมิภาค
"ศึกนอร์ทเวสต์ดาร์บี้ไม่ได้มีแค่ฟุตบอล แต่มันคือเรื่องราวของสองเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ แข่งขันกันเพื่อความเป็นหนึ่ง ทั้งในและนอกสนาม"
ทุกวันนี้ ศึกนอร์ทเวสต์ดาร์บี้คือหนึ่งในอีเวนต์สำคัญของฟุตบอลอังกฤษ สนามแอนฟิลด์และโอลด์แทรฟฟอร์ดอยู่ห่างกันเพียง 28 ไมล์ ความใกล้ชิดนี้ทำให้การแข่งขันยังคงร้อนแรงและดึงดูดแฟนบอลทั่วโลก
รากฐานประวัติศาสตร์: จากนิวตัน ฮีธ สู่ยักษ์ใหญ่แห่งยุคปัจจุบัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล มีรากฐานที่ลึกซึ้งในวงการฟุตบอลอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นในปี 1878 ในนาม Newton Heath LYR Soccer Club ในปี 1902 พวกเขาประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก ด้วยหนี้สินจำนวน 2,670 ปอนด์ ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อสโมสร เปิดบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์
ลิเวอร์พูลก่อตั้งขึ้นในปี 1892 หลังจากแยกตัวออกจากเอฟเวอร์ตัน เอฟซี ในฤดูกาลแรก พวกเขาคว้าแชมป์ดิวิชันสองได้สำเร็จ และในปี 1894 ลิเวอร์พูลเอาชนะนิวตัน ฮีธไป 2-0 บ่งบอกถึงความดุเดือดของศึกที่กำลังจะมาถึงในเวลาต่อมา
ผู้จัดการระดับตำนาน:
เบื้องหลังความสำเร็จของสองสโมสร
ผู้จัดการทีมระดับตำนานมีบทบาทสำคัญในการนำความสำเร็จมาสู่ทั้งสองสโมสร แมตต์ บัสบี้ คือผู้ที่หล่อหลอมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนบิลล์ แชงคลีย์ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของลิเวอร์พูล ความเป็นผู้นำของพวกเขาวางรากฐานให้กับความสำเร็จในยุคพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีกเริ่มต้นขึ้นในปี 1992 นำพาความท้าทายใหม่มาสู่ทั้งสองทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกได้ถึง 13 สมัย กลายเป็นผู้ชนะลีกคัพหลายครั้ง ขณะที่ลิเวอร์พูลซึ่งมีแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัย ยุติการรอคอย 30 ปี ด้วยการคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2019-2020 เพิ่มมรดกอันยิ่งใหญ่ให้กับสโมสร
จากจุดเริ่มต้นจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ได้สร้างร่องรอยที่ยากจะลืมเลือน ประวัติศาสตร์อันยาวนานของพวกเขาเป็นเชื้อไฟให้กับหนึ่งในการแข่งขันที่โด่งดังที่สุดในโลกฟุตบอล
ศึกตู้โชว์ถ้วยรางวัล:
มรดกแห่งความสำเร็จ
ความเป็นคู่ปรับระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล เกินกว่าแค่เกมฟุตบอล ทั้งสองสโมสรมีตู้โชว์ถ้วยรางวัลที่น่าประทับใจ สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และสถานะของพวกเขาในวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง
ความยิ่งใหญ่ในลีก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองอันดับหนึ่งด้วยแชมป์ลีก 20 สมัย โดยเฉพาะในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 13 ครั้ง ขณะที่ลิเวอร์พูลมีแชมป์ลีก 19 สมัย โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2020 ยุติการรอคอยนานถึง 30 ปี
เกียรติยศระดับยุโรป
ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จในเวทียุโรปมากกว่า ด้วยถ้วยแชมเปียนส์ลีก 6 สมัย ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมี 3 สมัย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในปี 1999 ที่เป็นส่วนหนึ่งของทริปเปิลแชมป์อันโด่งดัง
ความสำเร็จในบอลถ้วยในประเทศ
ทั้งสองทีมต่างก็ประสบความสำเร็จในบอลถ้วยภายในประเทศ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เอฟเอคัพ 12 สมัย ส่วนลิเวอร์พูลได้ 8 สมัย ในศึกลีกคัพ ลิเวอร์พูลนำด้วย 9 แชมป์ ขณะที่ยูไนเต็ดมี 6 แชมป์ การแข่งขันระหว่างสองทีมนี้จุดไฟให้ทุกทัวร์นาเมนต์เต็มไปด้วยความดุเดือด
"ฟุตบอลที่ปราศจากถ้วยรางวัลก็ไร้ความหมาย" เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเคยกล่าวไว้ สะท้อนถึงแรงผลักดันเบื้องหลังความเป็นคู่ปรับที่เต็มไปด้วยถ้วยรางวัล
การขับเคี่ยวระหว่างยักษ์ใหญ่ทั้งสองทำให้ทุกเกมพรีเมียร์ลีกเป็นที่จับตามอง ยิ่งพวกเขาเติมเต็มตู้ถ้วยรางวัลมากเท่าไร ตำนานของพวกเขาก็ยิ่งยาวนานขึ้น สร้างแรงดึงดูดให้แฟนบอลทั่วโลก
การปฏิวัติของบิลล์ แชงคลีย์
บิลล์ แชงคลีย์ เข้าร่วมลิเวอร์พูลในปี 1959 และเปลี่ยนโชคชะตาของสโมสรอย่างสิ้นเชิง เขาพาทีมคว้าแชมป์ดิวิชันหนึ่ง 3 สมัย, เอฟเอคัพ 2 สมัย และยูฟ่าคัพอีก 1 สมัย มรดกของแชงคลีย์ไม่ได้อยู่แค่ถ้วยรางวัล แต่ยังรวมถึงจิตวิญญาณแห่งชัยชนะที่เขามอบให้ลิเวอร์พูล
การมาของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เริ่มต้นที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1986 และครองบัลลังก์ยาวนานถึง 26 ปี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 13 สมัย ทำลายสถิติของลิเวอร์พูล เปลี่ยนดุลอำนาจของคู่ปรับนี้อย่างชัดเจน
แท็กติกแห่งยุคสมัยใหม่
ความเป็นคู่ปรับยิ่งทวีความดุเดือดขึ้นในยุคของเฟอร์กูสันและราฟาเอล เบนิเตซ ราฟาคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับลิเวอร์พูลในปี 2005 ขณะที่เซอร์ อเล็กซ์ นั้นพายูไนเต็ดอยู่บนจุดสูงสุด ล่าสุด เจอร์เก้น คล็อปป์ นำลิเวอร์พูลเดินหน้าต่อสู่หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ แต่เขาก็ได้ลาออกก่อนเมื่อปี 2024 ส่วนยูไนเต็ดยังคงต่อสู้ภายใต้การนำของผู้จัดการคนใหม่ที่ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ในปัจจุบันนี้ การแข่งขันทางแท็กติกทำให้ความเป็นคู่ปรับนี้ยังคงคุกรุ่นและดำเนินต่อไปอยู่ในยุคปัจจุบัน
"ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันคือการโค่นลิเวอร์พูลลงจากบัลลังก์" — เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ผู้จัดการทีมเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่สร้างสโมสรให้ยิ่งใหญ่ แต่ยังหล่อหลอมให้ความเป็นคู่ปรับระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งสองทีมยังคงเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่นับถือมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
แมตช์ประวัติศาสตร์และช่วงเวลาที่น่าจดจำ
การแข่งขันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ได้สร้างเกมที่น่าจดจำมากมาย แมตช์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก แต่ยังสร้างความประทับใจให้แฟนบอลทั่วโลกอีกด้วย
คัมแบ็กสุดช็อกในปี 1994
ในเดือนมกราคม ปี 1994 ลิเวอร์พูลสร้างคัมแบ็กสุดเหลือเชื่อ พลิกจากตามหลัง 3-0 กลับมาชนะ 4-3 เกมนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของการแข่งขันและยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลมาจนถึงทุกวันนี้
ชัยชนะครั้งใหญ่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในปี 2009
ในเดือนมีนาคม ปี 2009 ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงถิ่น โดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด ทำสองประตู พาทีมชนะไป 4-1 นี่คือความพ่ายแพ้ในบ้านที่ใหญ่ที่สุดของยูไนเต็ดในรอบ 17 ปี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของลิเวอร์พูลในการบุกไปเก็บชัยชนะนอกบ้าน
"ชัยชนะที่โอลด์แทรฟฟอร์ดครั้งนั้นพิเศษจริง ๆ เราแสดงให้เห็นถึงคุณภาพและความมุ่งมั่นในการต่อกรกับทีมยูไนเต็ดที่แข็งแกร่ง"
— สตีเว่น เจอร์ราร์ด
ยุคโมฮาเหม็ด ซาลาห์: สร้างตำนานใหม่
เมื่อไม่นานมานี้ ความเป็นคู่ปรับยิ่งร้อนแรงขึ้นไปอีก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำแฮตทริกในเกมที่ลิเวอร์พูลถล่มยูไนเต็ด 5-0 ในเดือนตุลาคม ปี 2021 นี่คือครั้งแรกที่ผู้เล่นทำแฮตทริกที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในยุคพรีเมียร์ลีก ทำให้ซาลาห์กลายเป็นตำนานของการแข่งขันคู่นี้
และในปี 2023 ลิเวอร์พูลสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในบ้านที่สนามแอนฟิลด์ โดยมีโคดี้ กัคโปกดไปในนาทีที่ 43 และ 50ดาร์วิน นูนเญซ: นาทีที่ 47 และ 75, โมฮาเหม็ด ซาลาห์: นาทีที่ 66 และ 83, และปิดท้ายด้วยโรแบร์โต เฟอร์มิโน่: นาทีที่ 88
ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นการชนะที่ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ของศึก "แดงเดือด" และเป็นความพ่ายแพ้ที่ยับเยินที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในรอบเกือบ 100 ปี
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นผู้ทำประตูใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีก ได้มากที่สุด ด้วยจำนวน 10 ประตู เทียบเท่ากับอลัน เชียเรอร์ ตำนานของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
เกมที่น่าจดจำเหล่านี้ยังคงจุดประกายความคลั่งไคล้ระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอล ทุกเกมอาจกลายเป็นตำนานบทใหม่
เรื่องราวของสนาม: แอนฟิลด์ ปะทะ โอลด์แทรฟฟอร์ด
การต่อสู้ระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ไม่ได้เป็นเพียงเกมฟุตบอล แต่เป็นการดวลของสนามที่มีชีวิตชีวา แอนฟิลด์และโอลด์แทรฟฟอร์ดไม่ใช่แค่สิ่งก่อสร้าง แต่คือหัวใจของแฟนบอลผู้มีความหลงใหล
ประสบการณ์เดอะค็อป
อัฒจันทร์เดอะค็อปของแอนฟิลด์กลายเป็นสีแดงในวันแข่งขัน นับตั้งแต่ปี 1963 บทเพลง "You'll Never Walk Alone" ก้องกังวานไปทั่ว ความรู้สึกตื่นเต้นล้นทะลักจากแฟนบอล 27,649 คน ที่สร้างกำแพงเสียงสั่นสะเทือนให้กับผู้เล่นและคู่แข่ง


ดาวซัลโวและสถิติการลงสนาม
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดในการเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยยิงไปแล้ว 15 ประตู ส่วนไรอัน กิ๊กส์ ถือครองสถิติการลงสนามมากที่สุดในศึกแดงเดือด ด้วยจำนวน 48 นัด สตีเว่น เจอร์ราร์ด และจอร์จ วอลล์ รั้งอันดับสองในการทำประตูร่วมกันที่ 9 ประตู
สถิติและความสำเร็จที่น่าประทับใจ
ทั้งสองสโมสรต่างก็มีถ้วยรางวัลอันน่าทึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย ขณะที่ลิเวอร์พูลได้ 19 สมัย ในเวทียุโรป ลิเวอร์พูลมีความเหนือกว่า โดยชนะยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 6 ครั้ง มากกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ชนะ 3 ครั้ง
ลิเวอร์พูลยังครองสถิติชนะเลิศลีกคัพ 10 สมัย มากกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ทำได้ 6 สมัย ยุคทองของลิเวอร์พูลในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีก 11 สมัยในระยะเวลา 20 ปี ขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประสบความสำเร็จในช่วงต้นของพรีเมียร์ลีก โดยคว้าแชมป์ 6 จาก 8 สมัยแรก
ในฤดูกาล 2020/21 ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยคะแนน 99 แต้ม เป็นฤดูกาลที่น่าจดจำของสโมสร
ยังมีแมตช์ที่มีสกอร์น่าจดจำอีกมากมาย โดยชัยชนะ 7-0 ของลิเวอร์พูลในเดือนมีนาคม 2023 ถือเป็นการชนะด้วยสกอร์ห่างที่สุด นอกจากนี้ การชนะ 7-1 เหนือนิวตัน ฮีธ ในปี 1895 ก็มีความสำคัญเช่นกัน ส่วนชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคือ 6-1 ในเดือนพฤษภาคม 1928
บทสรุป
การแข่งขันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของฟุตบอลอังกฤษ การแข่งขันนี้ได้หล่อหลอมวงการฟุตบอลอังกฤษมานานกว่าศตวรรษ สร้างช่วงเวลาที่ลืมไม่ลงและการแข่งขันที่เข้มข้น
ตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมจนถึงปัจจุบัน ทั้งสองสโมสรต่างก็แย่งชิงตำแหน่งสูงสุด และได้ทิ้งร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
สถิติต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นของการแข่งขัน โดยชัยชนะ 7-0 ของลิเวอร์พูลในเดือนมีนาคม 2023 ตอกย้ำถึงความคาดเดาไม่ได้ของเกม ด้วยจำนวนแมตช์ที่มากกว่า 220 ครั้ง แสดงถึงความลึกซึ้งของการแข่งขันนี้
ความนิยมทั่วโลกของศึกแดงเดือดนั้นยิ่งใหญ่ ในปี 2023 มีผู้ชมกว่า 100 ล้านคนจากทั่วโลก ติดตามการแข่งขันแมตช์เดียว
การแข่งขันนี้ไม่มีทีท่าว่าจะจางหายไป ทั้งสองสโมสรมีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านปอนด์ ซึ่งหมายถึงการลงทุนในการเสริมทัพและผู้เล่นระดับโลกจะยังคงดำเนินต่อไป ความหลงใหลของแฟนบอล ประวัติศาสตร์ และการแสวงหาความสำเร็จ จะทำให้การแข่งขันนี้คงอยู่ไปอีกหลายปีอย่างแน่นอน
ศึกคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ ลิเวอร์พูล: การเผชิญหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
การแข่งขันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล คือหนึ่งในศึกที่ดุเดือดที่สุดของวงการฟุตบอล สองยักษ์ใหญ่แห่งอังกฤษเผชิญหน้ากันมาแล้วถึง 244 ครั้ง โดยยูไนเต็ดชนะ 91 ครั้ง ส่วนลิเวอร์พูลชนะ 82 ครั้ง
การแข่งขันนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่เกมฟุตบอล แต่มีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์กว่าศตวรรษ ทุกนัดเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและอารมณ์ร่วม
ทั้งสองสโมสรคว้าแชมป์ลีกสูงสุดทีมละ 20 สมัย การผลักดันของลิเวอร์พูลเพื่อทำลายสถิติของยูไนเต็ด ยิ่งทำให้ความเป็นคู่ปรับนี้ดุเดือดขึ้นไปอีก
ช่วงเวลาที่น่าจดจำได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของคู่นี้ ในปี 1977 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เอฟเอคัพด้วยการชนะ 2-1 และในปี 2024 ยูไนเต็ดชนะลิเวอร์พูล 4-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าทำไมแฟนบอลถึงหลงใหลในการชมเกมเหล่านี้
"นี่คือเกมที่แฟนบอลต้องการชัยชนะมากที่สุด" หลายคนเคยกล่าวไว้ สะท้อนถึงความรู้สึกอันหนักอึ้งของการแข่งขันนี้
สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดและแอนฟิลด์เต็มไปด้วยพลังจากแฟนบอลกว่า 75,000 คนที่โอลด์แทรฟฟอร์ด และ 54,000 คนที่แอนฟิลด์ ความหลงใหลของแฟนบอลทำให้การแข่งขันเหล่านี้ยากจะลืมเลือน
ผู้จัดการทีมระดับตำนานและอิทธิพลของพวกเขา
ความเป็นคู่ปรับระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ถูกหล่อหลอมขึ้นจากผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ ความเป็นผู้นำของพวกเขาได้สร้างอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อวงการฟุตบอลอังกฤษ
บรรยากาศแห่งโรงละครแห่งความฝัน
โอลด์แทรฟฟอร์ด หรือที่รู้จักกันในนาม "โรงละครแห่งความฝัน" น่าทึ่งไม่แพ้กัน สถานที่แห่งนี้เคยรองรับแฟนบอลเกือบ 48,000 คน และยังเป็นบ้านของตำนานอย่าง อเล็กซ์ สเต็ปนีย์ ที่ลงเล่นมากกว่า 400 นัด พร้อมกับช่วงเวลาที่น่าจดจำมากมาย
สนามอันเป็นตำนานตลอดประวัติศาสตร์
ทั้งสองสนามแห่งนี้ผ่านความดราม่ามานับไม่ถ้วน ในปี 1971 แฟนบอลราว 100 คนถูกไล่ออกจากแอนฟิลด์ การแข่งขันระหว่างสองทีมมอบเกมที่ลืมไม่ลง อย่างเช่นชัยชนะของยูไนเต็ด 4-1 ในเดือนธันวาคม 1969 สนามเหล่านี้เป็นเจ้าภาพเกมใหญ่ๆ มานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ความเข้มข้นของการแข่งขันเพิ่มขึ้น
"การดวลระหว่างแอนฟิลด์กับโอลด์แทรฟฟอร์ด ไม่ใช่แค่เกม แต่มันคือปรากฏการณ์ที่ดึงดูดผู้ชมหลายร้อยล้านคนทั่วโลก"
จากยุคทองของลิเวอร์พูลในทศวรรษ 1970 สู่ความยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในทศวรรษ 1990 สนามเหล่านี้ได้เห็นทุกช่วงเวลาสำคัญ และยังคงเขียนบทใหม่ในประวัติศาสตร์ความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟุตบอลอังกฤษ
ตำนานนักเตะผู้สร้างสีสันให้กับการแข่งขัน
การแข่งขันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล ถูกกำหนดโดยเหล่านักเตะระดับตำนาน พวกเขาได้ฝากฝีเท้าไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ ด้วยทักษะและพรสวรรค์ที่ทำให้ทั้งสองสโมสรกลายเป็นตำนาน
ลิเวอร์พูลมีนักเตะระดับตำนานอย่าง เคนนี่ ดัลกลิช ที่พาทีมคว้าแชมป์หลายรายการในยุค 1970-1980 สตีเว่น เจอร์ราร์ด คือฮีโร่ท้องถิ่นที่เล่นด้วยความทุ่มเท และเจมี่ คาร์ราเกอร์ ผู้เป็นที่รักของแฟนๆ ด้วยความซื่อสัตย์และการอุทิศตน
ด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีจอร์จ เบสต์ ที่เป็นที่รู้จักในด้านทักษะและเสน่ห์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่ยิงประตูอย่างงดงามและทำให้ทีมกลายเป็นยักษ์ใหญ่ และไรอัน กิ๊กส์ ที่รักษามาตรฐานการเล่นตลอดหลายปีภายใต้การนำของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
"ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมคือการเขี่ยลิเวอร์พูลให้ตกจากบัลลังก์บ้าๆ นั่น" - เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, ปี 2002
มีนักเตะบางคนที่เคยลงเล่นให้ทั้งสองทีม เช่น พอล อินซ์ และไมเคิล โอเว่น ทำให้มุมมองของการแข่งขันยิ่งซับซ้อนขึ้น นักเตะเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างตำนานให้กับสโมสร แต่ยังเพิ่มความดราม่าและความเข้มข้นให้กับการดวลนี้
สถิติการเจอกันและผลงานที่น่าจดจำ
การแข่งขันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล นับว่าเป็นตำนาน พวกเขาเจอกันมาหลายครั้ง แต่ละครั้งเต็มไปด้วยความตึงเครียด สถิติการเจอกันแสดงให้เห็นถึงความเข้มข้นของการแข่งขันนี้
ผลการแข่งขันทั้งหมด
ตั้งแต่ปี 1894 ทั้งสองทีมเจอกันทั้งหมด 243 ครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 91 ครั้ง ขณะที่ลิเวอร์พูลชนะ 82 ครั้ง และอีก 70 นัด เสมอกัน
ในส่วนช่วงยุคของพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายได้เปรียบ พวกเขาชนะ 29 ครั้ง ขณะที่ลิเวอร์พูลชนะ 20 ครั้ง




Share to Social


Source Links
Liverpool F.C.–Manchester United F.C. rivalry - https://en.wikipedia.org/wiki/Liverpool_F.C.–Manchester_United_F.C._rivalry
The Northwest Derby | Manchester United vs. Liverpool – A Rivalry Like No Other - Lower Block - https://lowerblock.com/articles/the-northwest-derby-manchester-united-vs-liverpool-a-rivalry-like-no-other/
Looking into the full history of Man Utd vs Liverpool and how it started - https://www.givemesport.com/man-utd-liverpool-derby/
Derby Days: Liverpool versus Manchester United - https://www.nytimes.com/athletic/4280105/2023/03/07/liverpool-manchester-united-derby-days/
Top 10 Greatest Football Club Rivalries in History | Spond - https://www.spond.com/news-and-blog/10-greatest-football-club-rivalries/
Great Rivalries: the North-West Derby (Part 3) - https://sportshistoryculture.blog/2016/11/27/great-rivalries-the-north-west-derby-part-3/
Liverpool v Manchester United. A tale of two tribes. - https://chbenj23.wordpress.com/2020/05/21/liverpool-v-manchester-united-a-tale-of-two-tribes/
Premier League's Big 6 Clubs - Unveiling Their Identities - https://opengoaaalusa.com/blogs/news/premier-leagues-big-6-clubs-unveiling-their-identities?srsltid=AfmBOopA_fcnuLPe-S5arNOIxe66mamgRR7pEsUBqkqN65xsy_DWAXUx
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ต้นกำเนิดของความเป็นอริระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลคืออะไร?
ความเป็นอริเริ่มต้นขึ้นในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยมีสาเหตุมาจากการแข่งขันทางเศรษฐกิจระหว่างเมืองแมนเชสเตอร์และลิเวอร์พูล การสร้างคลองแมนเชสเตอร์ชิปในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ยิ่งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น การแข่งขันนี้ได้กลายเป็นความขัดแย้งในวงการฟุตบอลในที่สุด
ใครมีถ้วยรางวัลมากกว่ากันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล?
ทั้งสองสโมสรต่างก็มีถ้วยรางวัลมากมาย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นผู้นำในด้านแชมป์พรีเมียร์ลีก ขณะที่ลิเวอร์พูลมีแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกมากกว่า ทั้งคู่ถือเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
ใครคือตำนานผู้จัดการทีมที่สำคัญในศึกแดงเดือดนี้?
บุคคลสำคัญได้แก่ บิลล์ แชงคลี ที่เปลี่ยนแปลงลิเวอร์พูล และเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่นำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสู่ความยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ยังมี บ็อบ เพสลีย์, แมตต์ บัสบี้, เคนนี ดัลกลิช และเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เป็นผู้สร้างตำนานให้กับทั้งสองสโมสร
มีแมตช์ไหนบ้างที่น่าจดจำระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล?
แมตช์ที่น่าจดจำได้แก่ นัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพปี 1977 และนัดชิงชนะเลิศลีกคัพปี 1983 รวมถึงการบุกไปชนะ 4-1 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในปี 2009 นอกจากนี้ การเจอกันในพรีเมียร์ลีกหลายครั้งก็มีความสำคัญ ทั้งในแง่ของการลุ้นแชมป์หรือการคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรป
สนามแอนฟิลด์และโอลด์แทรฟฟอร์ดมีบทบาทอย่างไรในความเป็นอรินี้?
สนามแอนฟิลด์และโอลด์แทรฟฟอร์ดถือเป็นสนามฟุตบอลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน "เดอะ ค็อป" ที่แอนฟิลด์และบรรยากาศ "โรงละครแห่งความฝัน" ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ทำให้การแข่งขันแดงเดือดเต็มไปด้วยความเข้มข้น บรรยากาศในสนามมีส่วนช่วยเพิ่มอารมณ์ของการแข่งขันให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
ใครคือตำนานนักเตะในศึกแดงเดือดนี้?
สำหรับลิเวอร์พูล ได้แก่ เคนนี ดัลกลิช, สตีเว่น เจอร์ราร์ด และเจมี คาร์ราเกอร์ ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แก่ จอร์จ เบสต์, บ็อบบี ชาร์ลตัน และไรอัน กิ๊กส์ นอกจากนี้ยังมีนักเตะที่เคยเล่นให้ทั้งสองทีม เช่น พอล อินซ์ และไมเคิล โอเว่น
ความเป็นอริระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลพัฒนาไปอย่างไรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา?
ในยุคพรีเมียร์ลีก การแข่งขันนี้ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากทั้งสองทีมแย่งชิงเกียรติยศกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมาของผู้จัดการทีมคนใหม่และนักเตะฝีเท้าดี ทำให้การพบกันแต่ละครั้งมีความเข้มข้นและน่าติดตามมากขึ้น
อะไรที่ทำให้ความเป็นอริระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลเป็นเอกลักษณ์ในวงการฟุตบอลโลก?
ความเป็นอรินี้มีเอกลักษณ์จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน ความสำเร็จในระดับสูง แฟนบอลที่คลั่งไคล้ และความนิยมทั่วโลก ถือเป็นเกมใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ และเป็นหนึ่งในความเป็นอริที่รุนแรงที่สุดในโลก














Gallery
Our Mock Up Design




































Subscribe to our newsletter
Enjoy exclusive special deals available only to our subscribers.
Adventure
Explore hidden gems, bustling streets, and serene wonders.
Passport
Globetrotter2024
Travel Out of Now Here
© 2024. All rights reserved.
Affiliate Disclosure:
This site contains affiliate links. If you make a purchase through these links, we may earn a commission at no extra cost to you. We only recommend products and services we trust. Thank you for supporting our site!