Explore the world TOGETHER!
Prepare Your Building for Quakes: Expert Tips to Stay Safe
การมีแผนรับมือที่ชัดเจนช่วยให้ครอบครัวปลอดภัย หัวข้อนี้จะแนะนำวิธีวางแผนการสื่อสารและการเตรียมชุดฉุกเฉิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการรับมือกับภัยพิบัติ
CHECK ME-OW! (THAI)
3/29/20254 min read
ตรวจสอบอาคารของคุณให้พร้อมเมื่อแผ่นดินไหวมาถึง
คุณรู้ไหมว่าแคลิฟอร์เนียมีรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่พบแล้วเกือบ 16,000 แห่ง? มากกว่า 500 แห่งยังคงเคลื่อนตัวและอาจก่อให้เกิดอันตราย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันอาคารถล่มจากแผ่นดินไหวเป็นเรื่องสำคัญ ทุกอาคาร ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ล้วนมีความเสี่ยงต่อความเสียหาย
การป้องกันที่ดีต้องเริ่มจากการเสริมความแข็งแรงให้กับฐานรากของอาคาร และให้ความรู้กับผู้คนเกี่ยวกับความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว วิธีเหล่านี้สามารถช่วยปกป้องชีวิตและลดความเสียหายต่อทรัพย์สิน
ข้อควรรู้สำคัญ
ตรวจสอบและยึดเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก ๆ ให้แน่นหนา เพื่อป้องกันการล้มระหว่างแผ่นดินไหว
วางแผนการสื่อสารฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถติดต่อกับสมาชิกในครอบครัวได้
ปรับปรุงโครงสร้างอาคารเก่า และเสริมความแข็งแรงในจุดสำคัญเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือน
จัดเก็บอุปกรณ์ฉุกเฉิน รวมถึงน้ำและอาหารที่เพียงพอสำหรับสองสัปดาห์ ในที่หยิบใช้งานได้ง่าย
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่อน้ำและท่อก๊าซได้รับการยึดอย่างปลอดภัย และรู้วิธีปิดในกรณีฉุกเฉิน
ความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว
การเตรียมตัวรับมือแผ่นดินไหวเริ่มจากการเข้าใจความเสี่ยง ควรรู้ว่าเขตไหนมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวสูง และดำเนินมาตรการป้องกันการถล่มของอาคาร รวมถึงสร้างความพร้อมเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน
พื้นที่เสี่ยงสูงในสหรัฐอเมริกา
สหรัฐฯ มีหลายพื้นที่ที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหว เช่น อลาสกา แคลิฟอร์เนีย ฮาวาย โอเรกอน เปอร์โตริโก วอชิงตัน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี ผู้ที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ควรเตรียมการล่วงหน้าเพื่อลดความเสียหายจากแผ่นดินไหว

การวางแผนฉุกเฉินสำหรับครอบครัว
เลือกบุคคลที่อยู่นอกรัฐเป็นผู้ติดต่อสำรอง และเตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินที่มีอาหาร น้ำ และไฟฉาย ซึ่งอาจช่วยชีวิตได้ในยามจำเป็น
ผลกระทบของแผ่นดินไหว
แผ่นดินไหวอาจสร้างความเสียหายร้ายแรง ทั้งการถล่มของอาคารและระบบสาธารณูปโภคที่เสียหาย นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิและดินถล่มตามมา
เมื่อแผ่นดินไหวเกิดขึ้น อาจทำให้ไฟฟ้าและน้ำประปาถูกตัดขาด เพิ่มความเสี่ยงของไฟไหม้และแก๊สรั่ว การรู้เท่าทันอันตรายเหล่านี้ช่วยให้เราวางแผนรับมือได้ดีขึ้น
การปรับปรุงโครงสร้างอาคารช่วยลดโอกาสการถล่ม การยึดสิ่งของหนักช่วยลดการบาดเจ็บ และการทำประกันภัยแผ่นดินไหวเป็นทางเลือกที่ดี เพราะประกันทั่วไปมักไม่ครอบคลุมความเสียหายจากแผ่นดินไหว
แม้จะมีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่แผ่นดินไหวยังเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ การเตรียมพร้อมอยู่เสมอจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อลดความเสี่ยง
การเตรียมตัวรับมือแผ่นดินไหว
การมีแผนรับมือที่ชัดเจนช่วยให้ครอบครัวปลอดภัย หัวข้อนี้จะแนะนำวิธีวางแผนการสื่อสารและการเตรียมชุดฉุกเฉิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการรับมือกับภัยพิบัติ
การวางแผนการสื่อสารในครอบครัว
แผนการสื่อสารที่ดีช่วยให้สมาชิกในครอบครัวติดต่อกันได้หลังเกิดแผ่นดินไหว ควรให้ทุกคนรู้วิธีปิดแก๊ส น้ำ และไฟฟ้า
บันทึกเบอร์โทรฉุกเฉิน รวมถึงบุคคลที่อยู่นอกพื้นที่ และติดไว้ในจุดที่ทุกคนมองเห็นได้ง่าย เพื่อให้สามารถติดต่อกันได้แม้ในกรณีที่ระบบโทรศัพท์ในพื้นที่ล่ม
การเตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน
การมีชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินพร้อมใช้งานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอยู่รอดในช่วงวันแรก ๆ หลังเกิดแผ่นดินไหว อุปกรณ์ที่ควรมี ได้แก่
น้ำอย่างน้อย 1 แกลลอนต่อคนต่อวัน สำหรับ 72 ชั่วโมง
ที่เปิดกระป๋องแบบมือหมุน และอาหารที่เก็บได้นานสำหรับ 72 ชั่วโมง
ไฟฉายและแบตเตอรี่สำรองในจุดที่หยิบใช้ได้ง่าย
คู่มือฉุกเฉินและชุดปฐมพยาบาล
นกหวีดและวิทยุพกพาสำหรับรับข่าวสาร
นอกจากนี้ ควรยึดเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก ๆ ติดกับผนังโดยใช้สายรัดหรือขายึด และติดตั้งตัวล็อกตู้เก็บของเพื่อลดความเสี่ยงของสิ่งของตกใส่ ควรเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น อาหาร น้ำ และป้ายระบุข้อมูล
การทำตามขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้ครอบครัวของคุณปลอดภัยขึ้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
การออกแบบโครงสร้างให้ทนทานต่อแผ่นดินไหว
การออกแบบโครงสร้างที่แข็งแรงช่วยลดความเสียหายและปกป้องชีวิตผู้คน การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และปฏิบัติตามมาตรฐานก่อสร้างที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สิ่งปลูกสร้างสามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น
แนวทางใหม่ในการเสริมความแข็งแรงของอาคาร
เทคนิคใหม่ในการปรับปรุงโครงสร้างช่วยให้ปลอดภัยและมีความทนทานต่อแผ่นดินไหวมากขึ้น วิธีสำคัญที่ใช้กันในปัจจุบัน ได้แก่
ระบบฐานแยกแรงสั่นสะเทือน (Base Isolation Systems): ระบบนี้ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนโดยการแยกอาคารออกจากการเคลื่อนตัวของพื้นดิน
วัสดุที่ยืดหยุ่น (Flexible Building Materials): วัสดุที่สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนช่วยให้อาคารแข็งแรงขึ้น
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้าง เช่น
เสริมฐานรากบ้านที่มี Stem-Wall หรือ Raised Foundation: ค่าใช้จ่ายประมาณ $3,000 - $7,000
บ้านที่มีช่องคลาน (Crawl Space Wall House Retrofit): ค่าใช้จ่ายประมาณ $3,000 - $7,000
บ้านที่มีฐานรากแบบเสาและฐานรอง (Post and Pier Retrofit): ค่าใช้จ่ายประมาณ $10,000 - $15,000
อาคารที่มีชั้นล่างโล่ง (Soft Story Retrofit): ค่าใช้จ่ายประมาณ $15,000 - $25,000
บ้านบนเนินเขา (Hillside House Retrofit): ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ $10,000
บ้านเคลื่อนที่และบ้านสำเร็จรูป (Mobilehome and Manufactured Home Retrofit): ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า $5,000
เสริมปล่องไฟและเตาผิง (Chimney and Fireplace Retrofit): ค่าใช้จ่ายสูงถึงหลายพันดอลลาร์
การใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมโครงสร้างและเทคนิคปรับปรุงที่ทันสมัยช่วยให้อาคารปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินจากแผ่นดินไหว
ปฏิบัติตามมาตรฐานการก่อสร้าง
การปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการก่อสร้างและมาตรฐานแผ่นดินไหวในท้องถิ่นช่วยลดความเสี่ยงและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
เข้าใจมาตรฐานแผ่นดินไหวในพื้นที่: มาตรฐานเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงทุก ๆ สามปี นับตั้งแต่ปี 2000 และมีส่วนช่วยให้อาคารปลอดภัยมากขึ้น
ปฏิบัติตาม I-Codes: คู่มือจาก International Codes (I-Codes) ช่วยให้มั่นใจว่าอาคารมีความปลอดภัยและแข็งแรง
ผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ: รายงานจาก National Institute of Building Sciences (NIBS) พบว่าการใช้มาตรฐานที่ทันสมัยให้ผลตอบแทนถึง 12 เท่าของต้นทุน เช่น ลดอัตราการบาดเจ็บและความเสียหายต่อทรัพย์สิน
ขั้นตอนเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ตรวจสอบอาคารเป็นประจำเพื่อแก้ไขปัญหาก่อนเกิดเหตุ
ปรับปรุงอาคารเก่าที่อาจไม่เป็นไปตามมาตรฐานปัจจุบัน เช่น อาคารก่ออิฐที่ไม่ได้เสริมโครงสร้าง
ใช้แนวทางของ FEMA และ ASCE เพื่อเสริมความแข็งแรงของอาคาร
ใช้เงินสนับสนุนจาก FEMA สำหรับการปรับปรุงโครงสร้าง
การปฏิบัติตามมาตรฐานไม่เพียงช่วยให้ปลอดภัย แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาว โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือบูรณะอาคารหลังเกิดแผ่นดินไหว
การยึดสิ่งของภายในอาคารให้ปลอดภัย
การจัดการสิ่งของภายในอาคารช่วยลดความเสียหายและการบาดเจ็บเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
การยึดเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ยึดเฟอร์นิเจอร์หนักกับผนังเพื่อป้องกันการล้ม
ยึดเครื่องทำน้ำอุ่นกับพื้นหรือผนัง เนื่องจากถังขนาด 50 แกลลอนอาจหนักถึง 577 ปอนด์ และอาจเป็นอันตรายหากล้ม
ยึดอุปกรณ์และเครื่องจักรให้แน่นกับฐานรากตามมาตรฐานแผ่นดินไหว
ใช้ตัวยึดพิเศษกับฝ้าเพดานและฉากกั้นห้อง
การป้องกันสิ่งของอันตราย
ใช้แนวทาง FEMA 460 ในการยึดชั้นเก็บของให้มั่นคง
ใช้ข้อต่อแบบยืดหยุ่นในระบบท่อที่สำคัญเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือน
ยึดท่อแก๊สและน้ำให้มั่นคงเพื่อป้องกันการรั่วไหลและไฟไหม้
ใช้คลิปนิรภัยกับเฟอร์นิเจอร์สำนักงานเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่
ตรึงโต๊ะทำงานกับฉากกั้นเพื่อป้องกันการแยกออกจากกัน
ใช้พลาสติกห่อพาเลทและจำกัดการซ้อนของสินค้าลดความเสี่ยงการล้ม
การเตรียมความพร้อมเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวและทำให้พื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น
การสร้างความตระหนักในชุมชน
การให้ความรู้และสร้างความตระหนักในชุมชนช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ผ่านโครงการและความร่วมมือเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีขึ้น
ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหว
การให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชุมชน หน่วยงานอย่าง FEMA ใช้เครื่องมือ เช่น Hazus Loss Library เพื่อแสดงผลกระทบของแผ่นดินไหว ช่วยให้ประชาชนเข้าใจความเสี่ยงและเตรียมพร้อมได้ดีขึ้น
โครงการ Great Shake Out Earthquake Drills เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้คนในชุมชนได้ฝึกซ้อมรับมือกับแผ่นดินไหว เพิ่มโอกาสความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุจริง
นอกจากนี้ แหล่งข้อมูลอย่าง FEMA App, Ready.gov, และ Listo.gov ให้คำแนะนำด้านความปลอดภัย เช่น การยึดของหนักให้มั่นคง วางแผนฉุกเฉิน และทำประกันแผ่นดินไหว เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่น
การทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นเป็นอีกขั้นตอนสำคัญ FEMA ทำงานร่วมกับพันธมิตรมานานกว่า 40 ปีเพื่อสนับสนุนกฎหมายด้านอาคารและความปลอดภัย
รัฐบาลท้องถิ่นมีบทบาทในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมโครงการให้ความรู้ เพื่อให้ชุมชนสามารถรับมือกับภัยพิบัติได้ดียิ่งขึ้น
หนึ่งในแนวทางสำคัญคือการปรับปรุงอาคารเก่าให้ปลอดภัยขึ้น โครงการ Community Emergency Response Teams (CERT) ยังช่วยฝึกอบรมให้ประชาชนมีทักษะเตรียมพร้อมและรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้
ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหว Northridge ปี 1994 ที่สร้างความเสียหายกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ นำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายอาคารที่เข้มงวดขึ้น ทำให้ช่วยลดความสูญเสียจากแผ่นดินไหวครั้งต่อมาได้มาก
โครงการเผยแพร่ความรู้ยังใช้สื่อการสอน เช่น วิดีโอจาก BSL Outreach และหนังสือกิจกรรมสำหรับเด็ก เช่น Rocket Earthquake Safety Activity Books สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คนทุกวัยเข้าใจและเตรียมพร้อมได้ดีขึ้น
การประเมินความปลอดภัยหลังเกิดแผ่นดินไหว
เมื่อเกิดแผ่นดินไหว สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบอาคารว่าได้รับความเสียหายหรือไม่ ทีมงานจะเข้าไปตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง เพื่อระบุจุดที่ต้องซ่อมแซมทันที
การตรวจสอบเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันอันตรายเพิ่มเติม และช่วยให้ชุมชนฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

การตรวจสอบความปลอดภัย
หลังแผ่นดินไหว จำเป็นต้องตรวจสอบอาคารเพื่อดูว่ามีความเสียหายหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญใช้วิธีพิเศษในการประเมินสภาพอาคารอย่างรวดเร็ว
เทคโนโลยีใหม่ เช่น แอปมือถือ ช่วยให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพขึ้น โดยผู้คนสามารถสแกน QR Code บนอาคารเพื่อดูข้อมูลความเสียหายได้ทันที
การซ่อมแซมและมาตรการความปลอดภัยทันที
เมื่อพบความเสียหาย การซ่อมแซมอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ ทีมกู้ภัยจะรีบแก้ไขจุดที่เสียหายหนักก่อน โดยสวมอุปกรณ์ป้องกันและปฏิบัติตามแนวทางความปลอดภัย
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ PPE (อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล) ระมัดระวังขณะทำงานในพื้นที่เสียหาย และจัดการกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น มีแนวทางสำหรับการใช้เครื่องจักรหนัก การเคลียร์ซากปรักหักพัง และการป้องกันอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัย เช่น
รักษาความสะอาดของอาหารและน้ำ
เฝ้าระวังควันพิษและก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจ
ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลความเสียหายเพิ่มเติมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใน 1 เดือนหลังเหตุการณ์
การฝึกอบรมรับมือเหตุฉุกเฉิน
การมีอาคารที่ปลอดภัยไม่ใช่แค่เรื่องของโครงสร้าง แต่ทุกคนต้องรู้วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดแผ่นดินไหว การฝึกซ้อมช่วยให้ทุกคนทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องได้โดยไม่ตื่นตระหนก การฝึกอบรมที่ดีช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรอดชีวิต
การฝึกซ้อมรับมือแผ่นดินไหว
การฝึกซ้อมช่วยลดความตื่นตระหนกและเพิ่มโอกาสรอด วิธี "หมอบ คลุม ยึด" เป็นวิธีที่ได้ผลและช่วยป้องกันการบาดเจ็บ
หมอบ ลงบนมือและเข่าเพื่อลดแรงกระแทก
คลุม ศีรษะและลำคอเพื่อป้องกันอันตรายจากเศษสิ่งของ
ยึด สิ่งของมั่นคงหรืออยู่ใกล้กำแพงด้านในจนกว่าการสั่นไหวจะหยุด
หากมีโต๊ะที่แข็งแรง ควรคลานเข้าไปหลบใต้โต๊ะ แต่ถ้าไม่มี ควรอยู่ใกล้ผนังภายในอาคารและป้องกันศีรษะและลำคอ ห้ามยืนตรงประตูหรือวิ่งออกไปข้างนอก เพราะอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บมากขึ้น
การฝึกซ้อมประจำปีเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ หลักสูตรฝึกอบรม CERT (Community Emergency Response Team) ยังช่วยให้ประชาชนรู้วิธีเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงแผ่นดินไหว
การอบรมพนักงานเกี่ยวกับความปลอดภัย
ทุกคนควรรู้วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดแผ่นดินไหว พนักงานควรได้รับการสอนเรื่องการยึดอุปกรณ์ให้มั่นคง เช่น การใช้ตัวยึดกันการสั่นสะเทือนและการติดตั้งล็อกบนชั้นวางของและตู้
มีหลายหน่วยงานที่ให้การอบรม เช่น
National Fire Academy (NFA) ให้ความรู้เกี่ยวกับการตอบสนองในเหตุฉุกเฉิน
Center for Domestic Preparedness (CDP) และ FEMA’s Independent Study Program มีหลักสูตรสอนวิธีจัดการสถานการณ์แผ่นดินไหวอย่างถูกต้อง
เมื่อทุกคนรู้หน้าที่และเส้นทางอพยพ โอกาสในการรอดชีวิตและความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้น
สรุป
การเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหวต้องมีหลายแนวทาง ทั้งการทำให้อาคารปลอดภัย วางแผนฉุกเฉิน และให้ความรู้กับชุมชน
ปรับปรุงความแข็งแรงของอาคาร ป้องกันการถล่ม
ยึดเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้มั่นคง
ติดตั้งวาล์วปิดก๊าซอัตโนมัติ ลดความเสี่ยงไฟไหม้
เตรียมชุดฉุกเฉิน น้ำ อาหาร และอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
การทำงานร่วมกันในระดับชุมชนก็สำคัญ เช่น การวางแผนเส้นทางหนีภัย การใช้เครื่องมือตรวจสอบความเสี่ยง และการพัฒนาระบบพยากรณ์แผ่นดินไหว แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยของทุกคน หากเราร่วมมือกันและใช้ทุกแนวทางที่กล่าวมา เราจะลดความเสียหายและช่วยชีวิตคนได้มากขึ้น
เสริมความแข็งแรงให้ฐานรากของอาคาร
ฐานรากเป็นส่วนสำคัญของอาคาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว การทำให้ฐานรากแข็งแรงขึ้นต้องใช้วัสดุที่ทนทานและเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อช่วยกระจายแรงสั่นสะเทือนให้ดีขึ้น
อาคารเก่าที่สร้างก่อนปี 1978 มีความเสี่ยงสูงต่อการพังถล่มเมื่อเกิดแผ่นดินไหว การปรับปรุงฐานรากช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้าง โดยเฉพาะอาคารที่ก่อด้วยอิฐหรือหิน ควรมีการเสริมโครงสร้างให้มั่นคงขึ้น รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นผู้นำในการปรับปรุงอาคารเหล่านี้เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ยึดสิ่งของหนักที่อยู่เหนือศีรษะให้แน่นหนา
สิ่งของหนักที่อยู่สูงอาจเป็นอันตรายในพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหว หากไม่ยึดให้แน่น อาจหล่นลงมาและทำให้เกิดอันตราย การใช้วิธียึดที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้
โคมไฟ ระบบปรับอากาศ และอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนเพดาน ควรมีการยึดให้มั่นคงตามกฎมาตรฐานสมัยใหม่ หน่วยงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) ให้ข้อมูลและคำแนะนำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยง
เทคนิคปรับปรุงโครงสร้างให้ทนแผ่นดินไหว
แผ่นดินไหวทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน รอยเลื่อนดิน และดินอ่อนตัว ซึ่งอาจทำให้อาคารถล่มได้ อาคารเก่าที่ไม่ได้สร้างตามมาตรฐานปัจจุบันจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงให้แข็งแรงขึ้น
ปรับปรุงอาคารเก่าให้ปลอดภัยขึ้น
อาคารเก่าต้องได้รับการเสริมโครงสร้างที่เหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับลักษณะของอาคาร
อาคาร Soft-story: อาคารที่มีชั้นล่างโล่ง เช่น ที่จอดรถหรือร้านค้า ต้องเสริมโครงเหล็กเพื่อรับแรงสั่นสะเทือน
อาคารคอนกรีตที่ไม่มีความยืดหยุ่น: อาคารที่ไม่สามารถดูดซับแรงแผ่นดินไหวได้ดี ควรเสริมผนังรับแรงและเสริมเสาคอนกรีตให้แข็งแรง
อาคาร Tilt-up: อาคารที่ใช้ผนังคอนกรีตหล่อแล้วตั้งขึ้น จำเป็นต้องเสริมการเชื่อมต่อระหว่างผนัง ฐานราก และโครงหลังคา
อาคารโครงเหล็กแบบ Steel moment frame: เสี่ยงต่อการพังบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างคานและเสา ควรใช้โครงค้ำยันรูปตัววีและเสริมจุดเชื่อมต่อ
อาคารก่ออิฐที่ไม่มีโครงสร้างเสริม: อาคารที่สร้างจากอิฐหรือบล็อก ต้องเสริมโครงเหล็กและยึดติดกับฐานรากให้แข็งแรงขึ้น

FAQ
What are the high-risk earthquake areas in the United States?
High-risk earthquake areas in the U.S. include Alaska, California, Hawaii, Oregon, Puerto Rico, Washington, and the Mississippi River Valley. Knowing these areas is key for planning and getting ready.
What are the potential consequences of earthquakes?
Earthquakes can damage buildings, cause loss of life, and disrupt services and infrastructure.
How can I create a family communication plan for an earthquake?
Create a family plan with emergency contacts, a meeting spot, and ways to stay in touch after an earthquake. Make sure everyone knows the plan.
What should be included in a disaster supply kit?
A disaster kit should have food, water, first-aid, meds, clothes, and tools. It's vital for survival when services are down.
How can I reinforce my building’s foundations for better earthquake resistance?
Reinforce foundations with steel braces, bolting, and modern engineering. This makes the structure strong against earthquakes.
Why is it important to anchor overhead fixtures securely?
Anchoring overhead items prevents them from falling and causing injuries or more damage. Use brackets and wall anchors for this.
What are some innovative seismic retrofitting techniques?
New techniques include base isolation systems and using flexible materials. These help buildings move with the ground and absorb energy.
How can I upgrade older buildings to meet current seismic standards?
Upgrading older buildings is crucial. This can involve strengthening, adding shear walls, and other engineering fixes to meet today's standards.
What should I understand about local seismic standards for building codes?
Building codes aim to make buildings earthquake-safe. Owners must know these standards and ensure their buildings comply.
What steps can be taken to ensure compliance with building codes?
Regular checks, updating practices, and consulting engineers can help meet seismic codes. This protects property and people.
How can I secure interior elements like furniture and appliances?
Use brackets, wall anchors, and other devices to keep furniture and appliances from moving. This prevents injuries and damage.
How can hazardous items be stabilized during an earthquake?
Store hazardous items safely, secure chemicals, and anchor tall items to walls. This stops them from falling over.
What are effective community outreach initiatives for earthquake preparedness?
Good outreach includes education, working with local authorities, and campaigns. These efforts boost community readiness and spread important info.
How can local authorities and organizations collaborate for earthquake preparedness?
Work together on drills, share resources, and coordinate responses. This strengthens community resilience and emergency efforts.
Why are post-earthquake safety inspections important?
Safety checks after an earthquake find damage and risks. They guide repairs and safety steps to keep occupants safe.
What immediate repairs and safety measures should be taken after an earthquake?
Fix structural damage, secure loose items, and address hazards. Follow-up checks and repairs are key to safety and preventing harm.
How should earthquake drills be conducted for emergency response training?
Drills should practice evacuations, find safe spots, and teach how to protect oneself. Regular drills improve readiness and response times.
What should employees know about safety protocols for earthquakes?
Employees should learn about drop, cover, and hold on, evacuation routes, and emergency communication. Clear procedures and training save lives during earthquakes.


Subscribe to our newsletter
Enjoy exclusive special deals available only to our subscribers.
Adventure
Explore hidden gems, bustling streets, and serene wonders.
Passport
Globetrotter2024
Travel Out of Now Here
© 2024. All rights reserved.
Affiliate Disclosure:
This site contains affiliate links. If you make a purchase through these links, we may earn a commission at no extra cost to you. We only recommend products and services we trust. Thank you for supporting our site!