Explore the world TOGETHER!

Leicester City: A Storied Football Legacy
เริ่มต้นจากชื่อ "เลสเตอร์ ฟอส" สโมสรเปลี่ยนมาเป็น "จิ้งจอกสยาม" เรื่องราวของเลสเตอร์เต็มไปด้วยความพยายาม ความรักในเกม และชัยชนะที่คาดไม่ถึง
SAWASDEE LEICESTER CITY (THAI)FOOTBALL STORY (THAI)
1/21/20255 min read
เลสเตอร์ ซิตี้:
ตำนานจิ้งจอกสยาม
ในปี 1884 กลุ่มเพื่อนเตะฟุตบอลกลุ่มเล็กๆ เป็นทีมาของการเริ่มต้นการเดินทางที่กลายเป็นหัวใจของแฟนบอลทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยของพวกเรา หลังจากพวกเขาเล่นแมตช์กระชับมิตรครั้งแรกนั้น มันกลายเป็นที่มาที่นำไปสู่การก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ต่อมาได้สร้างประวัติศาสตร์สำคัญในพรีเมียร์ลีก
เริ่มต้นจากชื่อ "เลสเตอร์ ฟอส" ต่อมาสโมสรได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "จิ้งจอกสยาม" เรื่องราวของเลสเตอร์เต็มไปด้วยความพยายาม ความรักในเกม และชัยชนะที่คาดไม่ถึง ประวัติศาสตร์ของเลสเตอร์แสดงให้เห็นพลังของความฝันและความไม่แน่นอนของบอลลูกกลมๆนี้
จุดเริ่มต้นและความท้าทาย
เลสเตอร์ต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและเกือบตกชั้นหลายครั้ง แต่ทุกอุปสรรคทำให้สโมสรแข็งแกร่งขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากแฟนๆ ทั่วโลก
ในปี 2016 เลสเตอร์ทำให้โลกฟุตบอลตกตะลึงด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยโอกาสชนะที่ 5000-1 นี่ไม่เพียงเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเรื่องราวของทีมรองบ่อนมากมาย
ความสำเร็จที่น่าจดจำ
ก่อตั้งในปี 1884 ในชื่อเลสเตอร์ ฟอส
คว้าแชมป์ FA Cup ครั้งแรกในปี 2021
ชนะพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16
สนามเหย้าปัจจุบันคือสนามคิง เพาเวอร์ เปิดใช้งานในปี 2002
เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของแชมเปียนส์ลีกในปี 2017
ประวัติสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้:
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่ความยิ่งใหญ่
เรื่องราวของเลสเตอร์ ซิตี้ เริ่มต้นเมื่อ 132 ปีก่อน จากการเป็นสโมสรเล็กๆ จนกลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015-2016 สโมสรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1884 และเริ่มต้นการเดินทางที่น่าทึ่งในโลกของฟุตบอล
การก่อตั้งและช่วงเริ่มต้นที่ฟิลเบิร์ตสตรีท
ฟิลเบิร์ตสตรีทเป็นสนามเหย้าแห่งแรกของเลสเตอร์ ซิตี้ ณ สนามแห่งนี้มันทำหน้าที่เป็นสักขีพยานในช่วงเวลาสุขและทุกข์ของสโมสร
ในฤดูกาล 1928-1929 เลสเตอร์สามารถทำผลงานได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ในขณะนั้น โดยจบในอันดับที่สองของลีกสูงสุด

ความสำเร็จที่โดดเด่นตลอดหลายทศวรรษ
การเดินทางของเลสเตอร์ ซิตี้ เต็มไปด้วยความท้าทาย พวกเขาต่อสู้เพื่ออยู่รอดจากการตกชั้นและฉลองการเลื่อนชั้น คว้าแชมป์ลีกคัพ และผ่านเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ หลายต่อหลายครั้ง มันแสดงถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของสโมสรแห่งนี้
การเริ่มต้นสู่สนามคิง เพาเวอร์
ในปี 2002 เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ย้ายเข้าสู่สนามคิง เพาเวอร์ สนามที่สามารถจุผู้ชมได้มากถึง 32,000 ที่นั่ง การย้ายครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่นำไปสู่การประสบความสำเร็จที่สุดของสโมสร และเป็นสัญลักษณ์ของความฝันอันยิ่งใหญ่ที่นำไปสู่การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก จากทีมที่เกือบจะตกชั้นกลับก้าวขึ้นมาสู่แชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างไม่น่าเชื่อ
การก้าวขึ้นมาจากโอกาสเพียง 1 ใน 5,000 ที่จะชนะในฤดูกาล 2015-16 ของเลสเตอร์ ซิตี้ มันช่างเป็นเรื่องราวที่เหลือเชื่อ พวกเขาแพ้เพียงสามเกม เก็บได้ 81 คะแนน และคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์
“การเดินทางของเลสเตอร์ ซิตี้ จากฟิลเบิร์ตสตรีทสู่สนามคิง เพาเวอร์ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจากทีมรองบ่อนสู่ทีมแชมป์อย่างแท้จริง” อะไรๆก็เกิดขึ้นได้กับลูกกลมๆลูกนี้ใช่ไหม
ฤดูกาลที่มหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นในปี 2015-16
ในช่วงฤดูร้อนปี 2015 เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ฟุตบอล พวกเขาเลือก เคลาดิโอ รานิเอรี่ เป็นผู้จัดการทีม แม้หลายคนจะสงสัยในตัวเขา แต่การตัดสินใจครั้งนี้นำไปสู่ปาฏิหาริย์แห่งวงการกีฬา
การแต่งตั้ง "เคลาดิโอ รานิเอรี่"
รานิเอรี่เป็นผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์สูง เขาเคยพาทีมจบอันดับสองในพรีเมียร์ลีก ลีกเอิง และเซเรียอา มาก่อน การแต่งตั้งเขาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาทีมที่วางไว้โดยคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของสโมสร ซึ่งได้พูดถึงแผนการนี้ในหลายการประชุมสำคัญๆ
จากทีมที่รอดตกชั้นสู่ผู้ท้าชิงตำแหน่งแชมป์
ฤดูกาลก่อนหน้า เลสเตอร์ ซิตี้ รอดตกชั้นมาได้อย่างหวุดหวิด โดยจบอันดับที่ 14 ในตารางลีก เมื่อเริ่มต้นฤดูกาล 2015-16 ทีมถูกมองว่าเป็นทีมรองบ่อนด้วยโอกาสคว้าแชมป์เพียง 5,000-1 แต่พวกเขากลับสร้างความประหลาดใจให้ทุกคน ด้วยการแพ้เพียง 3 เกมตลอดทั้งฤดูกาล
การเซ็นสัญญาที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
การดึงตัวเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ด้วยค่าตัวเพียง 5.6 ล้านปอนด์ ถือเป็นกุญแจสำคัญ นอกจากนี้ ทีมยังได้รับแรงผลักดันจากจิตวิญญาณและความสามารถของนักเตะ โดยมีเจมี่ วาร์ดี้และแคสเปอร์ ชไมเคิลเป็นผู้นำ วาร์ดี้ทำลายสถิติพรีเมียร์ลีกด้วยการยิงประตูติดต่อกันใน 11 นัด
"ฝันที่เป็นจริง"
แม้จะเป็นทีมรองบ่อน แต่เลสเตอร์ ซิตี้กลับสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ นี่ถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 111 ปีของสโมสร ถ้วยน้ำหนัก 25 กิโลกรัมนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของแชมป์ แต่ยังเป็นชัยชนะของความเชื่อและความมุ่งมั่นที่เหนือกว่าความน่าจะเป็น
“มันคือฝันที่เป็นไปไม่ได้ ผมมีความสุขมากจริง ๆ”
คำพูดของเคลาดิโอ รานิเอรี่ สะท้อนความรู้สึกของแฟนบอลทั่วโลกอย่างชัดเจน ด้วยผู้ชมเฉลี่ยในสนามเหย้า 32,021 คน สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16 และจารึกชื่อไว้ในวงการฟุตบอลตลอดไป
นักเตะสำคัญที่เป็นตัวแปรในการก่อร่างสร้างสโมสร
การเดินทางสู่ความยิ่งใหญ่ของเลสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก ได้รับการผลักดันจากนักเตะที่มีความสามารถโดดเด่น เจมี่ วาร์ดี้จากการที่เริ่มต้นจากฟุตบอลลีกล่าง ๆ จนก้าวขึ้นสู่การเป็นดาวเตะในพรีเมียร์ลีก เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณทีมรองบ่อน ความเร็วและทักษะการทำประตูของเขาคือกุญแจสำคัญที่นำพาสโมสรสู่ชัยชนะในครั้งนี้
การเป็นผู้นำของแคสเปอร์ ชไมเคิลในตำแหน่งผู้รักษาประตู คือฐานที่มั่นคงของความสำเร็จของทีม การเซฟที่สำคัญและการมีอิทธิพลในสนามของเขาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในหลาย ๆ นัดที่สำคัญ



การเซ็นสัญญา "ริยาด มาห์เรซ" มาด้วยราคาเพียง 750,000 ดอลลาร์, กลายเป็นการเปิดตัวในตำแหน่งปีก กับความสามารถที่ยอดเยี่ยมและทักษะการทำประตูของเขาทำให้กองหลังต้องกลับบ้านไปนอนฝันร้าย
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เป็นผู้เล่นจากลีกต่ำในฝรั่งเศส ได้กลายเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกในเวลาไม่นานเมื่อย้ายมาอยู่เลสเตอร์
“เราคือสโมสรเล็ก ๆ ที่ทำฝันที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง” เจมี่ วาร์ดี้ กล่าวหลังจากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์
เรื่องราวและความพยายามของนักเตะเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงเลสเตอร์ ซิตี้ จากทีมที่เคยตกชั้นมาสู่แชมป์พรีเมียร์ลีก การเดินทางของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของสโมสรในการเปลี่ยนทีมรองบ่อนให้กลายเป็นดาวเด่น
สถิติที่สำคัญที่ควรจดจำ
เจมี่ วาร์ดี้: ยิงไป 24 ประตูในฤดูกาล 2015-16
ริยาด มาห์เรซ: ยิงไป 17 ประตูและ 11 แอสซิสต์
เอ็นโกโล่ ก็องเต้: 175 การแท็คเกิ้ลและการสกัดบอล
แคสเปอร์ ชไมเคิล: เก็บ 15 นัดคลีนชีต
ผลกระทบของนักเตะเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่สถิติ พวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเมืองและชนะใจแฟนบอลทั่วโลก พวกเขาได้ฝากรอยประทับจารึกนี้ไว้ในประวัติศาสตร์ของเมืองเลสเตอร์ ซิตี้
กลับมาพูดถึงยุคการเป็นเจ้าของของเจ้าของคนไทยและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเลสเตอร์ ซิตี้
ในปี 2010 วิชัย ศรีวัฒนประภา นักธุรกิจไทยได้ซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยมูลค่า 39 ล้านปอนด์ เขาคือมหาเศรษฐีไทยที่เป็นเจ้าของธุรกิจ King Power การตัดสินใจครั้งนี้ได้เปลี่ยนเส้นทางของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ไปตลอดกาล
วิสัยทัศน์ของเจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา
คุณวิชัยต้องการให้เลสเตอร์ ซิตี้ประสบความสำเร็จมากกว่าการชนะการแข่งขัน เขาใช้เงินกว่า 100 ล้านปอนด์ในการชำระหนี้และปรับปรุงสโมสร แฟน ๆ มักจะเห็นเฮลิคอปเตอร์ของเขาบินมาที่สนามคิง เพาเวอร์ ในวันแข่งขันเสมอๆ
การจัดแผนการเล่นแบบการตั้งรับ
ระบบแผนการเล่นแบบตั้งรับของเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ของพวกเขา พวกเขาเล่นเกมที่เข้มงวดและทำให้คู่แข่งยากที่จะครอบครองบอล นี่เห็นได้ชัดในฤดูกาล 2015-16 เมื่อพวกเขาเสียเพียง 36 ประตูในพรีเมียร์ลีก
จิตวิญญาณและความสามัคคีของทีม
แต่สิ่งที่ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ ยิ่งใหญ่ไม่ได้มีแค่แท็คติก มันคือจิตวิญญาณทีมและความสามัคคี นักเตะทุกคนรู้บทบาทของตัวเองและเชื่อใจซึ่งกันและกัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จของพวกเขา
การเติบโตของเลสเตอร์ ซิตี้ จากทีมรองบ่อนสู่แชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ สไตล์การเล่นของพวกเขาที่ผสมผสานการโจมตีที่รวดเร็วกับการตั้งรับที่แข็งแกร่งได้สร้างผลกระทบที่ยั่งยืนต่อวงการฟุตบอลอังกฤษ
การย้ายสนาม: จากฟิลเบิร์ตสตรีทสู่ สนามคิง เพาเวอร์
การย้ายจากสนามฟิลเบิร์ตสตรีทไปยังสนามคิง เพาเวอร์ของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ คือส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกเขา ฟิลเบิร์ตสตรีทเป็นบ้านของสโมสรตลอด 111 ปี มันได้เห็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมากมายและสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นกับแฟนบอล
ฟิลเบิร์ตสตรีท: บ้านแห่งความทรงจำ
ฟิลเบิร์ตสตรีทเปิดใช้งานในปี 1891 และมันไม่ใช่แค่สนามกีฬา มันคือสถานที่ที่เลสเตอร์ ซิตี้ ลงแข่งขัน 1,249 เกมและมีการทำประตูเกิดขึ้นได้มากถึง 4,700 ประตู ความจุของฟิลบินสตรีทในสมัยของคลอเซียคือ 22,000 คน จุดไฮไลต์ของสนามนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1928 เมื่อแฟนบอล 47,298 คนมาชมการแข่งขันเอฟเอคัพระหว่างเลสเตอร์ ซิตี้และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์
เมื่อสโมสรเติบโตขึ้น ความต้องการของมันก็เพิ่มขึ้น ในปี 2002 เลสเตอร์ ซิตี้ได้ย้ายจากฟิลเบิร์ตสตรีทมาสู่สนามใหม่ที่ฟิลเบิร์ตเวย์ เรียกสนามว่า the Walkers Stadium ซึ่งต่อมา หลังจากทางคุณวิชัยได้เข้ามาซื้อสโมสรและเข้ามาบริหารในปี 2010 จึงได้เปลี่ยนชื่อสนามเป็น สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในปี 2011 ซึ่งสนามนี้สามารถรองรับได้ 32,500 ที่นั่ง แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของสโมสร และได้เป็นสนามที่ได้เห็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์และเกมยูฟ่า ยูโรปาลีก
“การย้ายจากฟิลเบิร์ตสตรีทไปยังสนามคิง เพาเวอร์ คือการแสดงถึงการเติบโตและวิสัยทัศน์ในอนาคตของเรา” กล่าวโดยโฆษกของสโมสร
สนามคิง เพาเวอร์ยังคงมีการพัฒนา โดยมีแผนการขยายที่นั่งอีก 8,000 ที่นั่ง พร้อมกับการสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อเกียรติยศให้กับประวัติศาสตร์ของเลสเตอร์ ซิตี้ การพัฒนาเหล่านี้จะทำให้มรดกของฟิลเบิร์ตสตรีทยังคงมีชีวิตอยู่ในสนามคิง เพาเวอร์ เชื่อมโยงอดีตกับอนาคต
ความสำเร็จและเกียรติยศที่โดดเด่น
การเดินทางของเลสเตอร์ ซิตี้ จากทีมรองบ่อนสู่แชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นเรื่องราวของความพยายามและชัยชนะ การก้าวขึ้นมาในวงการฟุตบอลของสโมสรนี้ได้มีความสำเร็จที่น่าจดจำมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกจารึกชื่อสโมสรไว้ในหน้าประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลเป็นที่เรียบร้อย
การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
ในฤดูกาล 2015-16 เลสเตอร์ ซิตี้ได้ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริง พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในสภาพที่คาดไม่ถึง ทำให้วงการฟุตบอลต้องตกตะลึง ชัยชนะในครั้งนี้ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเรื่องราวของทีมรองบ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬา


การแข่งขันดาร์บี้เคาน์ตี้
การแข่งขันระหว่างเลสเตอร์ ซิตี้และดาร์บี้ เคาน์ตี้ก็ไม่แพ้กัน ในการแข่งขันทั้งหมด 108 ครั้ง ดาร์บี้นำด้วยการชนะ 46 ครั้ง ส่วนเลสเตอร์ชนะ 34 ครั้ง และเสมอกัน 28 ครั้ง การแข่งขันนี้มักจะมีผลสกอร์สูง เช่น การชนะ 6-0 ของทั้งสองฝ่ายในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
ในช่วงหลังเลสเตอร์ ซิตี้กลับมาเป็นฝ่ายครองความได้เปรียบในดาร์บี้นี้ โดยชนะ 8 จาก 9 นัดหลังสุด เกมล่าสุดที่พบกันเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2017 มีแฟนบอลเข้าชม 31,648 คน การแข่งขันในดาร์บี้นี้มีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ โดยในปี 1994 การแข่งขันรอบเพลย์ออฟดิวิชั่นแรกมีแฟนบอลถึง 73,671 คน
บทสรุป
การเดินทางของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้เป็นเรื่องราวที่แท้จริงของความไม่แน่นอนในฟุตบอล สโมสรที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1884 ได้สร้างรอยประทับในประวัติศาสตร์กีฬา จากการเข้าร่วมลีกฟุตบอลในปี 1894 จนถึงการคว้าแชมป์ลีกคัพในปี 1960s จิตวิญญาณของเลสเตอร์ ซิตี้ ได้ส่องแสงประกายผ่านมาในทุกยุคทุกสมัย
จุดสูงสุดของสโมสรเกิดขึ้นในฤดูกาล 2015-2016 เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างไม่น่าเชื่อ และชัยชนะนี้ทำให้แฟนบอลจากทั่วโลกติดตาม โดยในวันที่ 2 พฤษภาคม 2016 มีการเข้าชมหน้าวิกิพีเดียของสโมสรเกิน 530,000 ครั้ง แฟนๆ จากอิตาลีและไทยก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ติดตามชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์นี้
ตั้งแต่ปี 2010 ภายใต้การเป็นเจ้าของของไทย เลสเตอร์ ซิตี้ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ การเปิดสนามคิง เพาเวอร์ในปี 2002 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ การลงทุนเชิงกลยุทธ์ช่วยให้สโมสรพัฒนาไปถึงระดับใหม่ การเดินทางของเลสเตอร์ ซิตี้คือสัญลักษณ์ของความหวังที่แสดงให้เห็นว่า ด้วยความขยันหมั่นเพียรและความมุ่งมั่นบวกกับความตั้งใจแน่วแน่ ฝันที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ก็สามารถเป็นจริงได้ในที่สุด
การลงทุนเชิงกลยุทธ์และการพัฒนา
การเป็นเจ้าของของคนไทยนั้นทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ ก้าวไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้น ภายในระยะเวลาเพียงห้าปี พวกเขาสามารถก้าวจากลีกแชมเปี้ยนชิพไปสู่แชมป์พรีเมียร์ลีก คุณวิชัยได้ลงทุนในโครงการสำคัญต่างๆ ได้แก่
สร้างศูนย์ฝึกซ้อมใหม่มูลค่า 100 ล้านปอนด์ที่ซีเกรฟ
วางแผนขยายสนามคิง เพาเวอร์ให้สามารถรองรับผู้ชมได้ 40,000 ที่นั่ง
ดึงนักเตะชั้นนำเข้ามาเสริมทีมเพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และคอมมิวนิตี้ ชิลด์
ผลกระทบเชิงบวกและมรดกทางชุมชน
ผลกระทบเชิงบวกจากแผนงานคุณวิชัยไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในวงการฟุตบอล มากไปกว่านั้นคุณวิชัยยังได้ให้ความช่วยเหลือในหลายๆด้านให้เมืองเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยไม่ว่าจะเป็น:
บริจาค 2 ล้านปอนด์ให้กับ Leicester Hospitals Charity เพื่อสร้างโรงพยาบาลสำหรับเด็ก
บริจาค 1 ล้านปอนด์ให้กับมหาวิทยาลัยเลสเตอร์เพื่อการวิจัยทางการแพทย์
มูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภารวบรวมเงินได้ถึง 8.5 ล้านปอนด์สำหรับโครงการชุมชน
มรดกของวิชัยยังคงดำเนินต่อไปผ่านความสำเร็จของเลสเตอร์ ซิตี้และการทำงานการกุศลของเขา วิสัยทัศน์ของเขาได้เปลี่ยนแปลงสโมสรฟุตบอลและชุมชนไปตลอดกาล พร้อมกับเชื่อมโยงประเทศไทยกับประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
การพัฒนาแท็คติกและสไตล์การเล่น
เส้นทางของเลสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนชิพมีความเป็นเอกลักษณ์ พวกเขาได้สร้างสไตล์การเล่นที่ผสมผสานทั้งความรุกและรับได้อย่างลงตัว การผสมผสานนี้ทำให้พวกเขาโดดเด่นในสนาม ความยอดเยี่ยมในการสวนกลับ
การเปลี่ยนจากการตั้งรับไปเป็นการโจมตีอย่างรวดเร็วคือกุญแจสำคัญที่นำสู่ความสำเร็จของจิ้งจอกสยาม พวกเขาสามารถเปลี่ยนการตั้งรับให้กลายเป็นการโจมตีในไม่กี่วินาที กลยุทธ์นี้มีบทบาทสำคัญในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของพวกเขา โดยทำให้คู่แข่งตกใจและไม่ทันตั้งตัว
ชัยชนะในเอฟเอ คัพ
เลสเตอร์ ซิตี้มีโอกาสหลายครั้งที่เกือบจะคว้าแชมป์ได้ แต่ก็พลาด จนในที่สุดความพยายามนี้ได้นำเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้สำเร็จในปี 2020-21 การชนะครั้งนี้เพิ่มถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติอีกใบให้กับตู้รางวัลของสโมสร และช่วยยกระดับสถานะของพวกเขาให้เป็นหนึ่งในสโมสรชั้นนำของอังกฤษ
การต่อสู้ในบอลถ้วยยุโรป
ความสำเร็จของเลสเตอร์ ซิตี้ไม่ได้จำกัดแค่การแข่งขันภายในประเทศ พวกเขายังสามารถเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2016-17 และยังได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีกในฤดูกาล 2021-22 แสดงให้เห็นถึงความสามารถของพวกเขาบนเวทียุโรป
นอกจากนี้ จิ้งจอกสยามยังสามารถคว้าแชมป์ลีกได้หลายครั้ง พวกเขาคว้าแชมป์ดิวิชั่นสอง/แชมเปี้ยนชิพได้ถึง 8 ครั้ง
และยังได้แชมป์ลีกคัพ 3 ครั้งในปี 1964, 1997 และ 2000
รายการความสำเร็จที่สำคัญ
1 แชมป์พรีเมียร์ลีก (2015-16)
1 เอฟเอ คัพ (2020-21)
3 ลีกคัพ (1964, 1997, 2000)
8 แชมป์ดิวิชั่นสอง/แชมเปี้ยนชิพ
UEFA Champions League quarter-finals (2016-17) and
UEFA Europa Conference League semi-finals (2021-22)
ความสำเร็จเหล่านี้ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ จากสโมสรเล็ก ๆ ในมิดแลนด์ กลายเป็นทีมที่เป็นที่ยอมรับในวงการฟุตบอลอังกฤษ
ศึกดาร์บี้ในภาคตะวันออกของมิดแลนด์และการเป็นคู่แข่ง
การแข่งขันที่ดุเดือดของเลสเตอร์ ซิตี้กับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์และดาร์บี้ เคาน์ตี้ ถือเป็นการสะท้อนถึงความเข้มข้นในวงการฟุตบอลภาคตะวันออกของมิดแลนด์ การแข่งขันเหล่านี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ และนักเตะทุกคน พร้อมสร้างบรรยากาศที่คึกคักในสนาม
คู่แข่งน็อตติงแฮม ฟอเรสต์
การแข่งขันระหว่างเลสเตอร์ ซิตี้กับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์เริ่มต้นขึ้นในปี 1901 โดยทั้งสองทีมได้พบกันทั้งหมด 110 ครั้ง ฟอเรสต์มีสถิติชนะเลสเตอร์ 42 ครั้ง ส่วนเลสเตอร์ชนะ 41 ครั้ง และเสมอกัน 27 ครั้ง การแข่งขันนี้ได้สร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำ เช่น ชัยชนะครั้งใหญ่ของฟอเรสต์ในปี 1909 ด้วยสกอร์ 12-0
การแข่งขันระหว่างเลสเตอร์ ซิตี้และน็อตติงแฮม ฟอเรสต์กลับมาเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากทั้งสองทีมเล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในการแข่งขันล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2024 มีแฟนบอลเข้าชมถึง 31,879 คน เกมถัดไปในวันที่ 10 พฤษภาคม 2025 คาดว่าจะมีความตื่นเต้นไม่แพ้กันอย่างแน่นอน




Share to Social
Source Links
Leicester City FC: A History of the Foxes | SchoolTube - https://www.schooltube.com/leicester-city-fc-a-history-of-the-foxes/
King Power Stadium - Story of Leicester - https://www.storyofleicester.info/leisure-entertainment/king-power-stadium/
A new era and a chance for Leicester City to rediscover local pride — The Fosse Way - https://www.thefosseway.net/viewpoint/leicester-city-2023-viewpoint-deleicesterisation
Leicester City and the greatest underdog story ever told: a primer for Americans - https://www.theguardian.com/football/2016/apr/30/leicester-city-premier-league-champions-underdog-story
Leicester City win Premier League: The greatest sporting story? - https://www.bbc.co.uk/sport/36151505
Leicester City’s triumph: the inside story of an extraordinary season | Stuart James - https://www.theguardian.com/football/2016/may/03/leicester-city-title-inside-story-premier-league-champions-claudio-ranieri
PL30: Leicester's miracle - Where are they now? - https://www.premierleague.com/news/2744927
2015–16 Leicester City F.C. season - https://en.wikipedia.org/wiki/2015–16_Leicester_City_F.C._season
Leicester City F.C. - https://en.wikipedia.org/wiki/Leicester_City_F.C.
Leicester City FC history and facts - https://www.footballhistory.org/club/leicester.html
Vichai Srivaddhanaprabha was an unusual owner – he understood fans | David Conn - https://www.theguardian.com/football/2018/oct/28/leicester-city-vichai-srivaddhanaprabha-different-sort-of-owner
The Rise of Vichai Srivaddhanaprabha & Leicester City F.C. - https://sunilsharmauk.medium.com/the-rise-of-vichai-srivaddhanaprabha-leicester-city-f-c-b39c90eb8cb3
The true legacy of Leicester’s ownership: putting city on the map, creating thousands of jobs and saving lives - https://www.nytimes.com/athletic/2778835/2021/08/19/the-true-legacy-of-leicesters-ownership-putting-city-on-the-map-creating-thousands-of-jobs-and-saving-lives/
History of Leicester City F.C. - https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Leicester_City_F.C.
Football Club History Database - Leicester City - https://www.fchd.info/LEICESTC.HTM
FAQ
เมื่อไรที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อตั้งขึ้น?
สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 1884 โดยเดิมชื่อ "เลสเตอร์ ฟอส" และเปลี่ยนชื่อเป็น "เลสเตอร์ ซิตี้" ในปี 1919
สนามเหย้าของเลสเตอร์ ซิตี้ คือที่ไหน?
เลสเตอร์ ซิตี้ แข่งขันที่สนามคิง เพาเวอร์ ซึ่งย้ายมาในปี 2002 ก่อนหน้านี้พวกเขาเล่นที่ฟิลเบิร์ตสตรีทตั้งแต่ปี 1891 ถึง 2002
ใครเป็นเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้?
สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นของ King Power International Group ซึ่งเป็นบริษัทไทย โดยวิชัย ศรีวัฒนประภาเป็นผู้ที่นำการซื้อสโมสรในปี 2010 ปัจจุบันลูกชายของเขา ไอวัช ศรีวัฒนประภา ทำหน้าที่ประธานสโมสร
เมื่อไหร่ที่เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก?
เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16 ซึ่งถือเป็นการพลิกโอกาสครั้งใหญ่ ด้วยอัตราต่อรองที่ 5000-1
ใครเป็นผู้จัดการทีมของเลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก?
เคลาดิโอ รานิเอรี่ เป็นผู้จัดการทีมที่พาเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015-16
เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์รางวัลใหญ่ ๆ อะไรบ้าง?
เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพในปี 2021 และชนะลีกคัพ 3 ครั้ง (1964, 1997, 2000) รวมถึงคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2/แชมเปี้ยนชิพในปี 2014
เลสเตอร์ ซิตี้ มีชื่อเล่นว่าอะไร?
เลสเตอร์ ซิตี้ มีชื่อเล่นว่า "The Foxes" หรือ "จิ้งจอกสยาม"
คู่แข่งหลักของเลสเตอร์ ซิตี้ คือทีมไหน?
คู่แข่งหลักของเลสเตอร์ ซิตี้ คือ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ซึ่งแข่งขันกันในศึกดาร์บี้แห่งภาคตะวันออกของมิดแลนด์
เลสเตอร์ ซิตี้ เคยเล่นในการแข่งขันระดับยุโรปไหม?
เลสเตอร์ ซิตี้ เคยเล่นในการแข่งขันระดับยุโรป โดยเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2016-17 และยังคว้าแชมป์ยูฟ่า อินเตอร์โตโต้ คัพในปี 1997














Gallery
Our Mock Up Design




































Subscribe to our newsletter
Enjoy exclusive special deals available only to our subscribers.
Adventure
Explore hidden gems, bustling streets, and serene wonders.
Passport
Globetrotter2024
Travel Out of Now Here
© 2024. All rights reserved.
Affiliate Disclosure:
This site contains affiliate links. If you make a purchase through these links, we may earn a commission at no extra cost to you. We only recommend products and services we trust. Thank you for supporting our site!